ชีวิตคู่ จะดี มีความสุข
ต้องร่วมทุกข์ ร่วมกิจ การนานา
ทั้งมีศีล ศรัทธา ไว้พึ่งพา
อีกจาคา แลปัญญา เสมอกัน
สามีภรรยา เอื้อเฟื้อ กันดี
เสริมราศี ให้มั่ง มีเร็วพลัน
อีกครอบครัว รักใคร่ ปรองดองกัน
ทุกคืนวัน สุขสันติ์ ชั่วชีวัน
ในทางโลก แบ่งภรรยาได้เป็น ๗ ประเภท ดังนี้
๑. วธกาภริยา ภรรยาเสมอด้วยเพชฌฆาต คือ ภรรยาที่มีใจคิดล้างผลาญชีวิตสามี
พยายามฆ่าสามี ยินดีในชายอื่น ตบตี แช่งด่าสามี
๒. โจริภริยา ภรรยาเสมอด้วยโจร คือ ภรรยาที่ชอบล้างผลาญสามี ใช้ทรัพย์ไม่เป็นบ้าง
ยักยอกทรัพย์เพื่อความสุขส่วนตัวบ้าง สร้างหนี้สินให้สามีตามใช้บ้าง
๓. อัยยภริยา ภรรยาเสมอด้วยนาย คือ ภรรยาที่ชอบล้างผลาญศักดิ์ศรีสามี ไม่สนใจ
ช่วยการงาน เกียจคร้าน กินมาก ปากร้าย กล่าวคำหยาบคาย ชอบข่มขี่สามีซึ่งขยันขันแข็ง
เหมือนเจ้านายข่มขี้ข้า ภูมิใจที่ข่มสามีได้
๔. มาตาภริยา ภรรยาเสมอด้วยแม่ คือ ภรรยาที่มีความรัก เมตตาสามีไม่มีที่สิ้นสุด
เหมือนมารดารักบุตร เช่น สามีจะตกต่ำหมดบุญวาสนา จะป่วยจะพิการตลอดชีวิตก็
ไม่ทอดทิ้ง ไม่พูด ไม่ทำให้สะเทือนใจ แม้ตายจากไปตั้งแต่ตนยังสาวก็ไม่ยอมมีสามีใหม่
๕. ภคินิภริยา ภรรยาเสมอด้วยน้องสาว คือ ภรรยาที่เคารพสามี มีความรักยั่งยืน
แต่มีขัดใจกันบ้าง ทั้งซน ทั้งงอน ทั้งขี้ยั่ว ทั้งขี้แย ต้องทั้งขู่ทั้งปลอบ ประเดี๋ยวจะเที่ยว
ประเดี๋ยวจะกิน จะแต่งตัว แต่ก็ซื่อสัตย์ต่อสามีได้
๖. สขีภริยา ภรรยาเสมอด้วยเพื่อน คือ ภรรยาที่มีรสนิยม มีความชอบเหมือนสามี
ถูกคอกัน เป็นคนมีศีลธรรม มีความประพฤติดี แต่อาจมีความทะนงตัวโดยถือว่าเสมอกัน
หากฝ่ายสามีขาดเหตุผลก้ไม่ยอมกันก็เป็นได้
๗. ทาสีภริยา ภรรยาเสมอด้วยคนไข้ คือ ภรรยาที่ทำตัวเหมือนคนไข้ ถึงสามีจะเฆี่ยนตี
ดุด่า ขู่ตะคอกก็ไม่คิดพิโรธโกรธตอบสามี อดทนได้ อยูในอำนาจสามี
คุณสมบัติของคู่สามีภรรยา
คุณธรรมที่จะทำให้ครองชีวิตคู่ได้อย่างมียืนยาว ต้องมี "สมชีวิธรรม"
๑. สมสัทธา มีศรัทธาเสมอกัน ได้ มีหลักการ มีความเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา มีเป้าหมายชีวิตเหมือนกัน
๒. สมสีลา มีศีลเสมอกัน ได้แก่ ความประพฤติศีลธรรมจรรยา กิริยามารยาทอบรมมาดีเสมอกัน
๓. สมจาคา มีจาคะเสมอกัน ได้แก่ มีนิสัยเสียสละชอบช่วยเหลือ ไม่เห็นแก่ตัว ใจกว้างเสมอกัน
๔. สมปัญญา มีปัญญาเสมอกัน ได้แก่ มีเหตุผล มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่ดื้อด้านดันทุรัง เข้าใจกัน เห็นอกเห็นใจกัน พูดกันรู้เรื่อง
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรื่องมงคลสมรสไว้สั้น ๆ เพียงคำเดียวว่า "สังคหะ" หมายถึง การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสันติ
สังคหวัตถุ ๔ มีดังนี้
๑. ทาน การให้ปั้นแก่กัน การเสียสละเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น ช่วยปลูกฝังให้เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว
๒. ปิยะวาจา การพูดจาด้วยถ้อยคำไพเราะอ่อนหวาน สุภาพ จริงใจ พูดในสิ่งที่เกิดประโยชน์แก่ตนและผู้ฟัง พูดถูกกาลเทศะ พูดสาระที่เหมาะสมกับผู้ฟัง
๓. อัตถจริยา การช่วยเหลือกัน ช่วยกิจกรรมของส่วนรวม
๔. สมานัตตา การเป็นผู้มีความสม่ำเสมอ ประพฤติตนเสมอต้นเสมอปลาย วางตัวดีต่อกัน มีความเป็นมิตรไมตรีกับทุกคน
หน้าที่ของสามีต่อภรรยา ที่ต้องทำมีดังนี้
๑. ยกย่องนับถือว่าเป็นภรรยา คือ การแนะนำเปิดเผยว่าเป็นภรรยา ให้เกียรติใน
การตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ด้วย ไม่ปิดบังกับผู้อื่น
๒. ไม่ดูหมิ่น คือ ไม่ดูถูกภรรยาเมื่อทำอะไรไม่ถูกต้องหรือทำไม่เป็น หรือเรื่อง
ชาติตระกูล การศึกษาว่าต่ำต้อยกว่าตน แต่ควรจะแนะนำและสั่งสอนให้
๓. ไม่ประพฤตินอกใจภรรยา คือ การไม่มีภรรยาลับนอกบ้าน ไม่เที่ยวหา
ความสุขกับผู้หญิงบริการ
๔. มอบความเป็นใหญ่ให้ในบ้าน คือ มอบธุระการงานในบ้านให้รับผิดชอบ
รับฟังและทำตามความเห็นของภรรยาเกี่ยวกับกิจในบ้าน
๕. ให้เครื่องแต่งตัว คือ ให้ความสุขกับภรรยาเรื่องเครื่องแต่งตัวให้พอดี
หน้าที่ของภรรยาต่อสามี ที่ต้องทำมีดังนี้
๑. จัดการงานดี คือ งานบ้านงานเรือนต้องไม่บกพร่อง ดูแลด้านความสะอาด
ทำนุบำรุงรักษา จัดการด้านโภชนาการให้เรียบร้อยดี
๒. สงเคราะห์ญาติสามีดี คือ ให้ความเอื้อเฟื้อแก่ญาติฝ่ายสามี เท่าที่ตนมีกำลังพอทำได้ ไม่ได้หมายถึงต้องช่วยเรื่องทรัพย์สินเงินทองอย่างเดียว
๓. ไม่ประพฤตินอกใจสามี คือ ไม่คบชู้ หรือปันใจให้ชายอื่น ซึื่อสัตย์ต่อสามีคนเดียว
๔. รักษาทรัพย์ให้อย่างดี คือ รู้จักรักษาทรัพย์สินไว้ไม่ใให้หมดไปด้วยความสิ้นเปลื้อง
แต่ก็ไม่ถึงกับตระหนี่
๕. ขยันทำงาน คือ ไม่เกียจคร้านเอาแต่ออกงาน นอน กิน หรือเที่ยวนอกบ้าน
ต้องทำงานบ้านด้วย
อานิสงส์การสงเคราะห์ภรรยา (สามี)
๑. ทำให้ความรักยืนยง
๒. ทำให้สมานสามัคคีกัน
๓. ทำให้ครอบครัวมีความสงบสุข
๔. ทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญ
๕. เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ชนรุ่นหลัง
...................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น