เมื่อยามเด็ก พ่อแม่ เลี้ยงดูเรา
ทั้งหมั่นเฝ้า อบรม บ่มนิสัย
อีกชี้ทาง ทำดี มีวินัย
ยามป่วยไข้ ได้ท่าน ช่วยรักษา
เมื่อเติบใหญ่ ท่านให้ ได้เล่าเรียน
จนพากเพียร เรียนจบ การศึกษา
พระคุณพ่อแม่ มากล้น หนักหนา
สุดจะหา ที่เปรียบ เทียบท่านได้
ลูกที่ดี ควรมี กตุัญญู
ควรเลี้ยงดู พ่อแม่ แลใส่ใจ
ถ้าลูก ทุกคนดี เช่นนี้ไซร้
ควรหรือไม่ ได้ชื่อ ว่าแทนคุณ
พ่อแม่เป็นบุพการี เป็นผู้มีพระคุณมากล้นสุดที่ลูกจะตอบแทนได้หมด
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสอุปมาว่า ถ้าบุตรจะพึงวางบิดามารดาไว้บนบ่า
ทั้งสองของตน ประคับประคองท่านอยู่บนบ่า ป้อนข้าวป้อนน้ำและให้ท่านถ่าย
อุจาระปัสสาวะรดบนบ่านั้น แม้บุตรจะมีอายุถึง ๑๐๐ ปี และปรนนิบัติท่านจนตลอด
ชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทนพระคุณท่านไม่หมด
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสอุปมาว่า ถ้าบุตรจะพึงวางบิดามารดาไว้บนบ่า
ทั้งสองของตน ประคับประคองท่านอยู่บนบ่า ป้อนข้าวป้อนน้ำและให้ท่านถ่าย
อุจาระปัสสาวะรดบนบ่านั้น แม้บุตรจะมีอายุถึง ๑๐๐ ปี และปรนนิบัติท่านจนตลอด
ชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทนพระคุณท่านไม่หมด
กล่าวกันว่าพ่อแม่เป็นพรหม เป็นเทวดา เป็นพระ และเป็นครูคนแรกของลูก
- พ่อแม่เป็นพรหมของลูก เพราะเหตุว่า พ่อแม่มีคุณธรรมของพรหม เรียกว่า
พรหมวิหาร ๔ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
พรหมวิหาร ๔ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
- พ่อแม่เป็นเทวดาของลูก เพราะเหตุว่าท่านคอยปกป้องคุ้มกันลูกให้พ้นจากภัยต่าง ๆ
- พ่อแม่เป็นพระของลูก เพราะเหตุว่า ท่านเป็นที่พึ่งทางใจของลูกเมื่อยามลูก
มีความทุกข์ ท่านอบรมสั่งสอนและปลูกฝักนิสัยที่ดี
มีความประพฤติดี ทำดี พูดดี คิดดี
มีความทุกข์ ท่านอบรมสั่งสอนและปลูกฝักนิสัยที่ดี
มีความประพฤติดี ทำดี พูดดี คิดดี
- พ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก เพราะเหตุว่า ท่านเป็นคนแรกที่สอนลูกให้พูดและทำในสิ่งที่ถูกต้อง ฝึกอบรมบ่มนิสัยให้มีระเบียบวินัยดี มีกิริยามารยาทเรียบร้อย สอนให้ลูกรู้จักกตัญญูรู้คุณ สอนให้ รู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ สอนให้รู้สิ่งใดควรพูดควรทำและสิ่งใดไม่ควรพูดไม่ควรทำ
การทดแทนพระคุณของพ่อแม่ พึงกระทำดังนี้
๑. ประกาศพระคุณท่าน หมายถึง การประกาศให้ผู้อื่นได้รู้ว่า พ่อแม่มีพระคุณ
แก่เราอย่างไร มากล้นเพียงใด การประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม ไม่ทำให้ท่าน
เป็นทุกข์กายทุกข์ใจ ก็นับว่าเป็นการประกาศคุณของพ่อแม่อย่างถูกต้องแล้ว
เพราะว่าลูกเป็นส่วนหนึ่งจากเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อแม่ ลูกจะดีหรือไม่ดีก็เพราะ
พ่อแม่เป็นต้นแบบด้วย ลูกจะดีก็เพราะมีพ่อแม่อบรมสั่งสอนดี แต่มิใช่การประกาศ
คุณท่านเฉพาะเมื่อท่านได้จากโลกไปแล้ว จึงได้พิมพ์หนังสือเกี่ยวกับประวัติ
สรรเสริญความดีแจกในงานศพ ให้ผู้อื่นได้อ่าน ซึ่งก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกัน แต่จะให้
ท่านได้เห็นได้ชื่นชม ก็ควรจะประกาศคุณของท่านเมื่อตอนท่านยังมีชีวิตอยู่
แก่เราอย่างไร มากล้นเพียงใด การประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม ไม่ทำให้ท่าน
เป็นทุกข์กายทุกข์ใจ ก็นับว่าเป็นการประกาศคุณของพ่อแม่อย่างถูกต้องแล้ว
เพราะว่าลูกเป็นส่วนหนึ่งจากเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อแม่ ลูกจะดีหรือไม่ดีก็เพราะ
พ่อแม่เป็นต้นแบบด้วย ลูกจะดีก็เพราะมีพ่อแม่อบรมสั่งสอนดี แต่มิใช่การประกาศ
คุณท่านเฉพาะเมื่อท่านได้จากโลกไปแล้ว จึงได้พิมพ์หนังสือเกี่ยวกับประวัติ
สรรเสริญความดีแจกในงานศพ ให้ผู้อื่นได้อ่าน ซึ่งก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกัน แต่จะให้
ท่านได้เห็นได้ชื่นชม ก็ควรจะประกาศคุณของท่านเมื่อตอนท่านยังมีชีวิตอยู่
๒. ตอบแทนคุณท่าน กระทำได้ด้วยการช่วยเหลือกิจการงานของท่าน
เลี้ยงดูปรนนิบัติท่านเมื่อยามเจ็บป่วย เอาใจใสดูแลความเป็นอยู่และให้ความ
สะดวกสบายแก่ท่าน เมื่อท่านชราก็เลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดไม่ปล่อยให้ท่าน
เหงาหงอย เมื่อท่านสิ้นชีวิตแล้ว ก็จัดทำพิธีศพให้ตามประเพณี และทำบุญ
อุทิศส่วนกุศลให้ท่านอย่างสม่ำเสมอด้วย
เลี้ยงดูปรนนิบัติท่านเมื่อยามเจ็บป่วย เอาใจใสดูแลความเป็นอยู่และให้ความ
สะดวกสบายแก่ท่าน เมื่อท่านชราก็เลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดไม่ปล่อยให้ท่าน
เหงาหงอย เมื่อท่านสิ้นชีวิตแล้ว ก็จัดทำพิธีศพให้ตามประเพณี และทำบุญ
อุทิศส่วนกุศลให้ท่านอย่างสม่ำเสมอด้วย
เมื่อเทียบกับพระคุณอันใหญ่หลวงของพ่อแม่ที่มีต่อลูก
ถ้าจะตอบแทนคุณท่านให้ได้ทั้งหมด ควรปฏิบัติดังนี้
ถ้าจะตอบแทนคุณท่านให้ได้ทั้งหมด ควรปฏิบัติดังนี้
๑. ถ้าท่านยังไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ควรพยายามชักนำ
ให้ท่านเกิดความศรัทธาให้ได้
ให้ท่านเกิดความศรัทธาให้ได้
๒. ถ้าทานไม่พร้อมด้วยการทำทาน ควรพยายามช้กนำให้ท่านยินดี
ในการบริจาคทานให้ได้
ในการบริจาคทานให้ได้
๓. ถ้าท่านยังไม่มีศีล ควรพยายามชักนำให้ท่านรักษาศีลให้ได้
๔. ถ้าท่านยังไม่ฝึกอบรมเจริญสมาธิภาวนา ควรพยายามชักนำให้ท่านฝึกให้ได้
เพราะเหตุว่า การตั้งอยู่ในศรัทธา ทาน ศีล สมาธิภาวนา เป็นประโยชน์
อย่างยิ่งทั้งในภพนี้และภพหน้า
อย่างยิ่งทั้งในภพนี้และภพหน้า
อานิสงส์ของการบำรุงบิดามารดา มีดังนี้
๑. ทำให้เป็นผู้มีความอดทน
๒. ทำให้เป็นผู้มีสติคุ้มครองกาย วาจา ใจ
๓. ทำให้เป็นผู้มีเหตุผล
๔. ทำให้พ้นทุกข์ภยันตราย
๕. ทำให้ได้ลาภโดยง่าย
๖. ทำให้แคล้วคลาดภัยในยามคับขัน
๗. ทำให้เทวดาปกปักรักษา
๘. ทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญ
๙. ทำให้มีควมเจริญก้าวหน้าในชีวิต
๑๐. ถ้ามีลูกก็จะได้ลูกที่ดี
๑๑. ทำให้ได้รับความสุขกายสุขใจ
๑๒. เป็นแบบอย่างอันดีงามแก่ชนรุ่นหลัง
บุคคลใดเป็นผู้บำรุงบิดามารดาของตน ย่อมได้รับคำสรรเสริญจากบัณฑิตทั้งหลายในโลกนี้ และเขาผู้นั้นย่อมมีสุคติเป็นที่ไปแล
๑. ทำให้เป็นผู้มีความอดทน
๒. ทำให้เป็นผู้มีสติคุ้มครองกาย วาจา ใจ
๓. ทำให้เป็นผู้มีเหตุผล
๔. ทำให้พ้นทุกข์ภยันตราย
๕. ทำให้ได้ลาภโดยง่าย
๖. ทำให้แคล้วคลาดภัยในยามคับขัน
๗. ทำให้เทวดาปกปักรักษา
๘. ทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญ
๙. ทำให้มีควมเจริญก้าวหน้าในชีวิต
๑๐. ถ้ามีลูกก็จะได้ลูกที่ดี
๑๑. ทำให้ได้รับความสุขกายสุขใจ
๑๒. เป็นแบบอย่างอันดีงามแก่ชนรุ่นหลัง
บุคคลใดเป็นผู้บำรุงบิดามารดาของตน ย่อมได้รับคำสรรเสริญจากบัณฑิตทั้งหลายในโลกนี้ และเขาผู้นั้นย่อมมีสุคติเป็นที่ไปแล
................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น